โรคอีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใส เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มาด้วยอาการไข้ออกผื่น พบมากในเด็กแต่สามารถพบในผู้ใหญ่ได้โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ บางกรณีสามารถหายได้เอง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หลังจากหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะไปหลบอยู่ที่ปมประสาทของผู้ป่วย และสามารถทำให้เกิดโรคงูสวัดได้หากผู้ป่วยรายนี้มีภูมิต้านทานลดลง

ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ทารกแรกเกิด ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้รับประทานยากดภูมิคุ้มกันต่าง ๆ

 

อาการ

อาการจะแสดงหลังรับเชื้อภายใน 8-21 วัน โดยมีอาการ ดังนี้

  • ผื่นเริ่มจากขึ้นตามตัว ใบหน้าและลามไปแขนขา มักมีอาการคัน ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำ

  • อาจพบตุ่มขึ้นในช่องปากและเยื่อบุต่าง ๆ

  • มีไข้ต่ำ ๆ

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

 

การรักษา

โรคนี้อาจหายเองได้ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสอาจทำให้ระยะการเป็นโรคสั้นลง ถ้าผู้ป่วยมีไข้สูง อาจให้ยาลดไข้กลุ่ม พาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยากลุ่มแอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไรย์ (Reye’s syndrome) อาจใช้ยาทาในการรักษา เข่น คาลาไมน์เพื่อบรรเทาอาการคัน หรือยารับประทานกลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน เพื่อไม่ให้ผู้ปป่วยเกา เพราะอาจเป็นแผลคิดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้

 

การป้องกัน

โรคอีสุกอีใสมีวัคซีนสำหรับป้องกันโรค ในผู้ใหญ่และเด็กอายุเกิน 12 ปี ต้องฉีดวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ วัคซีนเป็นชนิดเชื้อเป็น จึงมีข้อห้ามในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ เมื่อฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม พบว่าร้อยละ 99 ของผู้รับจะเกิดภูมิต้านทานต่อโรค

ปัจจุบันมีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคงูสวัดด้วย ทำจากเชื้อวัคซีนชนิดเดียวกัน แต่มีปริมาณเชื้อมากกว่า มีที่ใช้ในผู้ที่อายุเกิน 60 ปี เพื่อป้องกันงูสวัด

 

ที่มา : https://chulalongkornhospital.go.th/